ด้านสิ่งแวดล้อม

แนวทางการจัดการมลพิษทางอากาศ

ในปี 2563 กลุ่มบริษัทฯ ได้ดําเนินโครงการด้านการบริหารจัดการระบบจราจรในรูปแบบต่างๆ เพื่อควบคุมปริมาณมลพิษทาง อากาศที่เกิดจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกองค์กรที่เดินทางสัญจรไปมาภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เช่น ฝุ่น ละอองและก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนใกล้เคียง และลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ รวมถึงก๊าซเรือนกระจกไปโดยปริยาย เพราะเครื่องยนต์จะยังคงทํางานอยู่ตลอดขณะจอดรอสัญญาณไฟ โดยระบบดังกล่าวช่วยประหยัดน้ํามัน เชื้อเพลิงสําหรับยานพาหนะที่สัญจรภายในนิคมอุตสาหกรรม ของบริษัทฯ โดยรวมได้ถึง 573 ลิตรต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น 29,804 ลิตรต่อปี

ระบบควบคุมไฟจราจรอัตโนมัติ

ในปี 2563 กลุ่มบริษัทฯ ได้ติดตั้งระบบควบคุมไฟจราจรอัตโนมัติ โดยใช้กล้องวงจรปิดตรวจวัดปริมาณจราจร และคํานวณปริมาณยานพาหนะในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อควบคุมไฟจราจรให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรในขณะนั้น เมื่อสภาพการจราจรคล่องตัว ระยะเวลาที่สัญญาณไฟแดงปรากฏจะสั้นลงตามไปด้วย จึงช่วยลดระยะเวลาในการหยุดรอสัญญาณไฟ เวลาที่สั้นลงนี้จึงเป็นการช่วยประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ รวมถึงก๊าซเรือนกระจกไปโดยปริยาย เพราะเครื่องยนต์จะยังคงทํางานอยู่ตลอดขณะจอดรอสัญญาณไฟ โดยระบบดังกล่าวช่วยประหยัดน้ํามันเชื้อเพลิงสําหรับยานพาหนะที่สัญจรภายในนิคมอุตสาหกรรม ของบริษัทฯ โดยรวมได้ถึง 573 ลิตรต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น 29,804 ลิตรต่อปี

เทคโนโลยีโดรน

ในปี 2563 กลุ่มบริษัทฯ ยังได้ศึกษาการนําเทคโนโลยีโดรนมาประยุกต์ใช้สํารวจสภาพถนนและการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนอีกด้วย ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจสอบดูแลอุบัติเหตุบน ท้องถนน รวมถึงระบุความเสี่ยงที่สําคัญเพื่อนําข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์และกําหนดมาตรการป้องกันเพื่อลดอุบัติเหตุในอนาคต เมื่อเกิดอุบัติเหตุการใช้โดรนจะช่วยให้ตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินและควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ จํานวนอุบัติเหตุที่ลดลงจะส่งผลให้การจราจรคล่องตัวยิ่งขึ้น เมื่อมีการระบุสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ปริมาณการใช้น้ํามันเชื้อเพลิงของรถพยาบาลก็ลดลงตามจํานวนอุบัติเหตุที่น้อยลงตามไปด้วย จึงเป็นการลดมลพิษทางอากาศนั่นเอง