記事

WORK FROM THAILAND

11/11/2020

คุณจรีพร จารุกรสกุล

ประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัล ตลอดจนความแพร่หลายของช่องทางการติดต่อสื่อสารและการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต ทำให้รูปแบบการทำงานทุกวันนี้แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง การจ้างงานแบบ Part-time, Freelance หรือ Gig Economy ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น การทำงานทางไกลหรือการทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ก็กลายเป็นวิถีการทำงานปกติของหลายๆ คน

ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราจึงคุ้นชินกับภาพผู้คนแต่งตัวตามสบายนั่งทำงานตามร้านกาแฟ ริมชายหาด หรือ Co-Working Space ต่างๆ ซึ่งคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และอินเตอร์เน็ตก็ทำให้เส้นแบ่งระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวเริ่มเลือนรางเกิดเป็น เทรนด์การเดินทางที่ผสมผสานการทำงานและการพักผ่อนหรือท่องเที่ยวเข้าไว้ด้วยกัน ตามแนวคิดการทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วย หรือ Bleisure (Business and Leisure) ซึ่งเทรนด์ดังกล่าวก็เติบโตและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่

อย่างไรก็ตาม การระบาดของ COVID-19 ช่วงต้นปีก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกที่แม้จะคาดการณ์กันว่า ธุรกิจท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวช่วงต้นปีหน้าในหลายประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีแต่รูปแบบและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวก็จะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม โดยนักท่องเที่ยวจะให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ความสะอาด ความปลอดภัยของสถานที่ปลายทาง รวมถึงปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางเป็นกลุ่มขนาดเล็ก หรือเดินทางด้วยตัวเองมากยิ่งขึ้น

หนึ่งในเป้าหมายของโครงการ EEC คือ การพัฒนาพื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะโดยเฉพาะบนเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษต่างๆ ซึ่ง สิทธิประโยชน์จาก Smart Visa ก็จะช่วยดึงดูดแรงงานและบุคลากรจากทั่วโลกให้เข้ามาทำงานและใช้ชีวิตในพื้นที่ EEC ทั้งผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคตต่างๆ รวมถึงผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจ Startup ที่เป็นคนรุ่นใหม่และมีแนวโน้มจะชื่นชอบการเดินทางแบบ Bleisure โดยความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ครอบคลุมทั้งประเทศ เช่น ระบบโครงข่ายใยแก้วนำแสง อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง รวมถึงเทคโนโลยี 5G ในอนาคตก็จะทำให้นักเดินทางสามารถใช้ประเทศไทยและพื้นที่ EEC สำหรับการทำงานไปพร้อมๆ กับเดินทางท่องเที่ยวไปยังเมืองต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย

ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมา ประเทศไทยก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความสามารถของระบบสาธารณสุขผ่านมาตรการควบคุมและบริหารจัดการการแพร่ระบาดจนได้รับการยอมรับไปทั่วโลกและเป็นโอกาสอันดีสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จะนำจุดแข็งทางด้านการแพทย์ดังกล่าวมาต่อยอดจุดขายเรื่องความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักเดินทางร่วมกับจุดเด่นการท่องเที่ยวของไทย ทั้งวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี อัตลักษณ์ อาหาร ฯลฯ ตลอดจนความอุดมสมบูรณ์สวยงามของธรรมชาติและระบบนิเวศต่างๆ

การส่งเสริมแนวคิด Work From Thailand จึงเป็นโอกาสดีที่จะสร้างรายได้และช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ด้วยลักษณะการพักอาศัยระยะยาว หรือ long stay ก็จะสามารถตอบโจทย์มาตรการด้านสาธารณสุขทั้งการตรวจสอบและการกักตัว รวมถึงช่วยให้ผู้ประกอบการไม่ต้องเผชิญกับความผันผวนในระยะสั้นและเป็นการดึงดูดกลุ่มนักเดินทางคุณภาพที่นอกจากจะมีแนวโน้มการใช้จ่ายที่สูงกว่านักท่องเที่ยวระยะสั้นแล้วยังมีพฤติกรรมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบอีกด้วย

ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะผลักดันแคมเปญ Work From Thailand ซึ่งเป็นการผสมผสานกระแสความนิยม Bleisure เข้ากับความสามารถและมาตรฐานทางด้านสาธารณสุขที่นอกจากจะช่วยตอบสนองรูปแบบการทำงานของยุคปัจจุบันแล้วยังจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในยุค New Normal ไปพร้อมๆ กันนั่นเอง