記事

THE GROWTH IN DATA CENTER INDUSTRY

22/09/2025

คุณจรีพร จารุกรสกุล

ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

การขยายตัวของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง อีคอมเมิร์ซ รวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ต้องอาศัยการประมวลผลข้อมูลมหาศาลได้ยกระดับบทบาทของ Data Center จากการเป็นเพียงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสู่การเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจดิจิทัลที่ทำหน้าที่ทั้งประมวลผล วิเคราะห์ และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วโลก

ด้วยเหตุนี้ Data Center จึงกลายเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และทำให้ความต้องการลงทุนขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ปริมาณการใช้งานเติบโตต่อเนื่องและกำลังเป็นจุดหมายสำคัญของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Amazon, Microsoft, Google และ Alibaba ต่างให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่งนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยเชิงยุทธศาสตร์หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงด้านพลังงานและการเข้าถึงพลังงานสะอาด การเข้าถึงแหล่งน้ำที่เพียงพอ รวมถึงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ตลอดจนทิศทางนโยบายของภาครัฐและสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ต่างเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน

โดยในยุคที่การแข่งขันเพื่อดึงดูดเงินลงทุนเข้าสู่ประเทศมีความเข้มข้น ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายการลงทุนด้าน Data Center ที่มีศักยภาพสูงในเอเชีย ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคซึ่งเอื้อต่อการเชื่อมโยงบริการไปยังประเทศรอบข้างได้สะดวก อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ต่ำกว่าหลายประเทศในภูมิภาคและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลควบคู่กับพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง จุดแข็งเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทอย่าง Google, AWS, TikTok, Huawei, Alibaba Cloud ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยังสะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นนี้ชัดเจน โดยในช่วงปี 2023–2025 มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวมกว่า 775,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลผลักดันให้เป็นศูนย์กลางเพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

การไหลเข้ามาของเงินลงทุนไม่ได้สร้างเพียงเม็ดเงินจากการก่อสร้างและการดำเนินงานเท่านั้น แต่ยังเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในหลายมิติ โดยการมี Data Center เปรียบเสมือนการยกระดับจากถนนธรรมดาให้เป็นทางด่วนดิจิทัลที่พร้อมรองรับการวิ่งของเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Cloud Computing, High Performance Computation, AI ที่เปรียบได้กับรถสปอร์ตที่เข้ามาเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ภายใต้แนวคิด S-Curve ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์แห่งอนาคต การผลิตขั้นสูง หรือเกษตรอัจฉริยะ โดยทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศบนเวทีโลก นอกจากนี้ ความต้องการพลังงานหมุนเวียนในการขับเคลื่อน Data Center ยังเป็นตัวเร่งสำคัญต่อการลงทุนใน Green Economy ที่สร้างทั้งมูลค่าเชิงเศรษฐกิจและเสริมภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะผู้นำการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอีกด้วย

แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่หากต่อยอดและเสริมความแข็งแกร่งอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในราคาที่สามารถแข่งขันได้ การสร้างระบบนิเวศบุคลากรที่มีทักษะดิจิทัลขั้นสูง ตลอดจนการออกแบบมาตรการจูงใจทางภาษีและการลงทุนที่ยืดหยุ่น ประเทศไทยจะไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งในตัวเลือก แต่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำของภูมิภาคและเป็นเส้นทางเพื่อไปสู่การต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพ