記事

THAILAND- SOUTH KOREA RELATIONS

06/11/2019

คุณจรีพร จารุกรสกุล

ประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

นับตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมาเศรษฐกิจของประเทศเกาหลีใต้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจนกลายเป็นหนึ่งในสี่เสือแห่งเอเชีย (Four Asian Tigers) โดยเกาหลีใต้ได้อาศัยโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นเป็นต้นแบบของการยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตผ่านเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจนทำให้ GDP เฉลี่ยต่อประชากรของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นจาก 158 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นกว่า 22,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา (CAGR ร้อยละ 8.6) ซึ่งจากข้อมูลปีล่าสุด เกาหลีใต้มี GDP เท่ากับ 2.24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอยู่ในลำดับที่ 14 ของโลก

ยุทธศาสตร์สำคัญของการพัฒนาประเทศของเกาหลีใต้ คือ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นของตนเอง ดังจะเห็นได้จากสัดส่วนค่าใช้จ่าย R&D ที่สูงถึงร้อยละ 4.4 ของ GDP โดยเป็นสัดส่วนที่มากเป็นอันดับ 1 ของโลก และส่งผลให้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของเกาหลีใต้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

การค้าระหว่างไทยและเกาหลีใต้เองก็มีอัตราการเติบโตภายหลังจากที่ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี (AKFTA) มีผลบังคับใช้เมื่อปี 2010 และส่งผลให้มูลค่าการค้าระหว่างไทยและเกาหลีใต้ขยายตัวถึงร้อยละ 17.9 ต่อปี จนปัจจุบันเกาหลีใต้นับเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับ 10 ของไทยโดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า 13,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น น้ำตาล เครื่องคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้านำเข้า เช่น เหล็ก แผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น

การเติบโตของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียนำมาซึ่งกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งสอดคล้องกับนโยบายมุ่งใต้ใหม่ (New Southern Policy) หรือนโยบายต่างประเทศภายใต้การนำของประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี H.E. Mr. Moon Jae In ที่ต้องการลดการพึ่งพิงของเกาหลีใต้ที่มีกับสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่นและรัสเซียท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งต่างๆ อาทิเช่น จุดยืนด้านนโยบายความมั่นคงที่แตกต่างกันระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้สืบเนื่องจากประเด็นการพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ หรือความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หรือ เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เป็นต้น เกาหลีใต้จึงมุ่งหาพันธมิตรอื่นๆ อันได้แก่ กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียซึ่งทำให้ภูมิภาค CLMVT ถูกจับตามองเป็นพิเศษเนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ การขยายตัวของประชากรชนชั้นกลาง และรายได้ประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ ประธานาธิบดี Mr. Moon Jae In พร้อมกับนักธุรกิจจากกว่า 100 บริษัทก็ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพร้อมทั้งเปิดโอกาสให้มีการเจรจาทางการค้ารวมถึงศึกษาการเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในโครงการ EEC โดยกลุ่มนักลงทุนประกอบไปด้วยบริษัทจากกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของเกาหลีใต้ อาทิ LG, Samsung ฯลฯ รวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมอื่นๆ เช่น ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เทคโนโลยีชีวภาพ สุขภาพความงาม หรือแม้แต่อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป FinTech และธุรกิจ Startup อื่นๆ ซึ่งมีความสอดคล้องเป็นอย่างมากกับเป้าหมายของโครงการ EEC และนโยบาย Thailand 4.0 ที่มุ่งปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทยผ่านอุตสาหกรรมเป้าหมายในกลุ่ม New S-curve ต่างๆ

เดือนพฤศจิกายนนี้ก็จะเป็นช่วงการจัดประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีภายใต้หัวข้อ “หุ้นส่วนเพื่อสันติภาพ ความมั่งคั่งเพื่อประชาชน” ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียนที่จะแสดงบทบาทเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมและตอบสนองเป้าหมายของทั้งสองประเทศในการส่งเสริมเสถียรภาพความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กันนั่นเอง